วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

สตีฟ แมคมานามาน ดาวดังไม้เลื้อย แห่ง Anfield

Steve Mcmanaman 




หากเครื่องติดแล้วใครๆก็หยุดเขาได้ยาก




สตีฟ แม็คมานามาน อดีตปีกจอมพลิ้วของเรา ผู้มีลีลาการเล่นอันน่าตื่นตาตื่นใจ และการจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูในระดับแถวหน้าของวงการฟุตบอลยุโรปในเวลานั้น
แม็คมานามานก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1990 (หลังจากที่เค้าอายุครบ 17 ปีได้ 8 วันเท่านั้น) ในยุคของเคนนี ดัลกลิชที่ต้องการใช้นักเตะเยาวชนของอคาเดมีเพื่อให้ขึ้นมาทดแทนนักเตะรุ่นพี่ (แม็คมานามานเป็นแฟนทีมเอฟเวอร์ตันตั้งแต่เด็ก และเคยไปทดสอบฝีเท้ากับเอฟเวอร์ตันแต่ปรากฎว่าไม่ผ่านการทดสอบเนื่องจากถูกมองว่าร่า
งกายผอมเกินไป) ชีวิตของแม็คมานามานในแอนฟิลด์ดูเหมือนจะโรยด้วยกลีบกุหลาบเมื่อเค้าคว้าได้ทั้งแชมป
์เอฟเอ คัพปี 1992 ในยุคของแกรม ซูแนสส์ และแชมป์ลีก คัพปี 1995 ในยุคของรอย อีแวนส์


แม็คมานามานเริ่มได้ลงเล่นแบบเต็มฤดูกาลจริงๆก็เมื่อฤดูดาล 1991/92 ซึ่งเป็นปีที่เค้าเริ่มฉายแสงเป็นนักเตะตัวทำเกมให้ลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง และก็เป็นหนึ่งในนักเตะลิเวอร์พูลชุดที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพมาครองได้สำเร็จในปี 1992 ที่สนามเวมบลีย์ แม็คมานามานเป็นนักเตะดาวรุ่งที่พุ่งขึ้นมาในยุคเดียวกับไรอัน กิ๊กส์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ในปี 1995 แม็คมานามานเป็นคนยิง 2 ประตูในชัยชนะเหนือโบลตัน วันเดอเรอร์ส 2-1 ในรอบชิงลีก คัพ ซึ่งเกมนั้นเค้าได้รับเลือกให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ด้วย(แต่ละลูกที่ยิง งามหยด)

ในปี 1997 แม็คมานามานตกเป็นข่าวในเรื่องการย้ายทีมเพราะมีทั้งบาร์เซโลน่า (สเปน) และยูเวนตุส (อิตาลี) ที่พร้อมจะซื้อตัวเค้าไปร่วมทีมในราคา 12.5 ล้านปอนด์ แต่ลิเวอร์พูลปฏิเสธข้อเสนอของทั้งสองทีมไป (ก่อนที่แม็คมานามานจะย้ายไปแบบไม่มีค่าตัวไปร่วมทีมรีล มาดริดด้วยกฏบอสแมนในปี 1999)

ในปี 96 ในเอฟ เอ คัฟ รอบชิงซึ่งลิเวอร์พูลโคจรมาพบ แมน ยู เซอร์อเล็ก ได้พูดว่า ถ้าเป็นไปได้เขาอยากซื้นักเตะแบบแม็คก้ามาร่วมทีม แต่ลิเวอร์พูลคงไม่อยากขายนักเตะแบบนั้นให้เราหรอก(แหม พูดเผื่อฟลุกเชียวนะ ลุงแพนด้า) ก่อนที่ลุงแพนด้า จะส่งรอย คีน ลงมาประกบแม็คก้า แบบไม่ไต้องไปทำมาหากินอะไร ส่งผลให้ลิเวอร์พูล ไปไม่ถึงดวงดาว (โกงกันนี่นา)

แม็คก้า โดดเด่นจนเป็ที่จับตามองไปทั่วยุโรป โดยในศึกยูโร 96 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ เขาโชว์ฟอร์มการเล่นอันร้อนแรง จนมีส่วนทำให้อังกฤษทะลุถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนพ่ายกับเยอรมันด้วยการดวลจุดโทษ(ประจำ) แต่เขาก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นนักเตะในทีมยอดเยี่ยม ประจำทัวร์นาเม้นท์ และได้รับคำชื่นชมจาก เปเล่ ราชาลูกหนังโลก เป็นอย่างมาก (เปเล่ชมใคร คนนั้นมักโชคร้ายครับ)
โดยในช่วงเวลานั้น แม็คก้าได้รับการยกย่อง ให้เป็นหนึ่งในกองกลางตัวรุกที่ดีที่สุดในยุโรปเวลานั้นทีเดียว 

ฟอร์มอันโดดเด่นของเขาตอนนั้น ทำให้มี วลี ที่ ติดปากผู้คนในวงการฟุตบอลยุโรปเวลานั้นว่า ''หยุดแม็คก้าได้ ก็คือหยุดลิเวอพูล และหยุดอังกฤษ''อกจากนี้
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม ในเดือนพฤศจิกายน 1998 กับการก้าวเข้ามาของเชรา อุลลิเยร์ที่มาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของลิเวอร์พูลมันทำเค้าต้องพิสูจน์ตัวเองอีกคร
ั้งว่าเค้ายังเป็นกองกลางที่ดีที่สุดของลิเวอร์พูลอยู่ จนในภายหลังผู้จัดการทีมคนใหม่ให้ความสำคัญในตัวเขาน้อยลงไปมาก จนทำให้เขาออกหาความท้าทายใหม่ๆในยุโรป ด้วยการย้ายไปเล่นกับ ราชันชุดขาว รีล มาดริดในเวลาต่อมา โดยแม็คมานามานทิ้งสถิติไว้ที่ ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลทั้งหมด 364 เกม ทำได้ 66 ประตู ก่อนจากถิ่นแอนฟิลด์ ไปสู่ ถิ่นราชัน ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว

แม็คมานามานถือว่าเป็นนักฟุตบอลอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดก็ว่าได้ในการย้าย
ออกไปเล่นนอกเกาะอังกฤษ เพราะกับการลงเล่นให้รีล มาดริดเค้าคว้าแชมป์มาครองได้ถึง 7 รายการ
นอกจากนี้เขายังยิงประตู ใน ยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีกนัดชิงชนะเลิศได้ด้วย (นัดชิงกับ บาเลนเซีย) ภายหลังย้าย มา แมน ซิตี้ ก่อนแขวนเกือก เพราะอาการบาดเจ็บ เรื้อรัง

ปัจจุบัน แม็คก้าทำงานในหน้าที่คอมเมนเตเตอร์(ที่น่าจะหล่อที่สุด รองจาก เจมี่ เร้ดแนปป์คนเดียว)  


เครดิต : www.liverpoolthailand.com http://partner.yengo.com/?ref=28678

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น