วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

คันโตน่า

เอริก แดเนียล ปิแอร์ กองโตนา (Éric Daniel Pierre Cantona) (เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมพ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) ที่เมือง มาร์กเซย์ ประเทศฝรั่งเศส) เล่นฟุตบอลอาชีพกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นสโมสรสุดท้าย ซึ่ง คันโตนา ประสบความสำเร็จได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ถึง 4 สมัย ภายในเวลา 5 ปี รวมไปถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและฟุตบอลถ้วย เอฟเอคัพ ภายในฤดูกาลเดียวกันอีกสองสมัย
ในปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) ได้รับการโหวตจากแฟนๆ ของทีม ให้เป็นนักฟุตบอลแห่งศตวรรษ แฟนๆ ยังคงกล่าวถึงคันโตนา โดยเรียกเขาว่า "เอริก เดอะ คิง" จนถึงทุกวันนี้


การเล่นฟุตบอลในฝรั่งเศส
คันโตนา เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรโอลิมปิกมาร์กเซย(โอ'แอม) เป็นคนที่ค่อนข้างหัวเสียง่าย มีอยู่ครั้งหนึ่ง ในขณะที่ลงแข่งขันนัดกระชับมิตร กับ ทีมตอร์ปิโด มอสโก เขาถูกเปลี่ยนตัวออก แล้วได้แสดงอาการไม่พอใจ ด้วยการ ฉีกเสื้อและขว้างมันทิ้ง เขาถูกลงโทษห้ามลงแข่งเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากนั้น สองถึงสามสัปดาห์ เขาก็ได้ออกมากล่าวโจมตี โค้ชทีมชาติฝรั่งเศสทางทีวีอีกด้วย
กองโตนาย้ายสู่ บอร์กโดซ์ ด้วยสัญญายืมตัว หลัง จากนั้นก็ได้ย้ายไปเล่นให้กับ มงเปลลิเย่ร์ ซึ่งเขาได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์ เฟร้นช์ คัพ เป็นครั้งแรก ก่อนจะถูก มาร์กเซย์ดึงตัวกลับมา แต่ เขาก็ยังถูกขายให้กับ นีมส์
เขาถูกห้ามลงแข่งขันอีกครั้งเป็นเวลา 1 เดือน จากการขว้างบอลใส่ผู้ตัดสิน และกองโตนาก็ให้สัมภาษณ์วิจารณ์คำตัดสิน จึงถูกลงโทษเพิ่มเป็น 2 เดือน และนี่เองเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายของคันโตนา เขาจึงตัดสินใจ แขวนสตั๊ด
ต้องขอบคุณแฟนฟุตบอลพันธ์แท้รายหนึ่ง ที่ชักจูงให้คันโตนากลับมาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ที่ประเทศอังกฤษ

หลังจากมาทดสอบฝีเท้ากับสโมสร ชฟฟิลส์ เว้นส์เดย์ คันโตนา ก็ได้ย้ายเข้าสู่สโมสรีดส์ ยูไนเต็ด ในปี พ.ศ.2535 (ค.ศ. 1992) คันโตนาพายูงทองเถลิงบัลลังก์แชมป์ดิวิชั่น 1(เดิม)ได้ทันทีในฤดูกาลนั้นเอง (1991-1992)เดือนพฤศจิกายนปีเดียวกันนั้น คันโตนาก็ย้ายสโมสรอีกครั้งหนึ่ง เข้าสังกัดทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวที่ปีศาจแดงจ่ายให้กับลีดส์เพียงแค่ 1.2 ล้านปอนด์ เท่านั้น
ขณะนั้นทีมปีศาจแดงกำลังประสบกับปัญหาปืนฝืด ไม่สามารถทำประตูคู่แข่งได้เนื่องมาจากการที่สโมสรขาย มาร์ค โรบิน และ ดิออน ดับลิน ประสบปัญหาการบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม คันโตนาปรับตัวเข้ากับสโมสรแห่งใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ตัวเขาสามารถทำประตูและส่งให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
2 ฤดูกาลต่อมา ยูไนเต็ดประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง คว้าแชมป์ลีกในปี .ศ.2536 (ค.ศ. 1993)และ ดับเบิ้ลแชมป์ในปี พ.ศ. 2537(ค.ศ. 1994)ซึ่งคันโตนาทำประตูจากลูกจุดโทษสองประตูถล่ม เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ 4-0
คันโตนาก่อเรื่องน่าอายขึ้นในเกมเยือน คริสตัลพาเลซ เดือนมกราคม ฤดูกาลถัดมา(พ.ศ. 2538)(ค.ศ. 1995) เมื่อกระโดดถีบใส่ แมทธิว ซิมม่อนส์ แฟนบอลทีมเจ้าบ้าน หลังจากโดนผู้ตัดสินไล่ออกจากสนาม
ในงานแถลงข่าวภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว กลุ่มนักข่าวพากันมารอสัมภาษณ์คันโตนา ซึ่งคันโตนาได้เดินเข้ามานั่ง ก่อนจะกล่าวว่า "เมื่อนกนางนวลบินตามเรือประมง...ก็เพราะพวกมันคิดว่าปลาซาร์ดีนจะถูกโยนลงมาในทะเล" เพียงเท่านี้เขาก็ลุกออกจากห้องไป สร้างความงุนงงให้กับกองทัพนักข่าวทั้งหลาย
คันโตนาถูกศาลชั้นต้นสั่งลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนบทลงโทษให้เป็นทำงานบริการสังคมเป็นเวลา 120 ชั่วโมงแทน นอกจากนี้มาคาฟุตบอลอังกฤษยังสั่งลงโทษคันโตนาห้ามลงสนามจนกว่าจะถึงเดือนตุลาคมอีกด้วย
มีการคาดการณ์กันไปต่างๆ นานา ว่าคันโตนาอาจจะยุติการค้าแข้งที่อังกฤษหลังจากพ้นโทษแบน แต่ Alex Ferguson เป็นผู้ที่ชักจูงให้คันโตนาอยู่กับทีมต่อไป ซึ่งในช่วงต้นฤดูกาลนั้นสโมสรได้ขายผู้เล่นสำคัญบางคนออกไปและเลื่อนชั้นนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาแทน ทำให้ความหวังในการคว้าแชมป์ไม่สู้จะดีนักเช่นเดียวกับในปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992)
คันโตนายิงประตูจากลูกจุดโทษในเกมพบกับ ลิเวอร์พูลได้ในนัดประเดิมสนามหลังจากพ้นโทษ และประตูของเขาก็ช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ลีกได้หลังจากต้องเป็นฝ่ายไล่ตามหลัง 10 คะแนนตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นมา และเป็นทีมแรกที่สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้สองสมัยติดต่อกันหลังจากคันโตนาทำประตูชัยได้ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ
ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในฤดูกาล 1996/1997 ทำให้คันโตนาได้แชมป์ลีกไปแล้วถึง 6 ครั้งในรอบ 7 ปี ยก เว้นเพียงปีที่เขาโดนแบนเท่านั้น หลังฤดูกาลจบลง คันโตนา ก็สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอล ด้วยการประกาศเลิกเล่น ในขณะที่อายุเพิ่งจะ 30 ปีเท่านั้น ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานได้หันเหไปเล่นฟุตบอลชายหาดให้กับทีมชาติฝรั่งเศส โดยเป็นกัปตันทีมด้วย
ในปี พ.ศ. 2547(ค.ศ. 2004) คันโตนาได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งโดยได้กล่าวว่า "ผมภูมิใจที่แฟนๆ ยังคงร้องเรียกชื่อผม แต่ผมกลัวว่าพรุ่งนี้พวกเขาอาจจะไม่ทำเช่นนั้น ผมกลัวเพราะผมรักมัน และทุกๆ สิ่งที่คุณรัก คุณก็ต้องกลัวที่จะเสียมันไป" คำพูดนี้ได้ถูกนำมาประกอบลงไปใน วอลเปเปอร์ของสโมสรที่ให้แฟนๆ ในเว็บไซต์ manutd.com

       

       ชีวิตหลังเลิกค้าแข้ง

หลังจากแขวนสตั๊ดแล้วคันโตนา หันเหไปเป็นนักแสดงในประเทศฝรั่งเศส นอกจากเป็นนักแสดงแล้ว เขายังเป็น ผู้กำกับภาพยนตร์ขนาดสั้นด้วย คันโตนาเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง เอลิซาเบ็ท ที่เขาเล่นเป็นทูตชาวฝรั่งเศส นอกจากนี้เขาก็ยังรับจ๊อบเป็นนายแบบโฆษณาให้กับบริษัทไนกี้ด้วย

ในช่วงก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2002(พ.ศ. 2545)คันโตนาก็เล่นภาพยนตร์โฆษณาให้กับไนกี้ร่วมกับ เธียร์รี่ อองรี โรเบอร์โต้ คาร์ลอส โรนัลโด้และหลุยส์ ฟิโก้ โดยก่อนหน้านี้ เขาก็เคยเล่นภาพยนตร์โฆษณาให้กับไนกี้ในประเทศอังกฤษ ในการปรากฏตัวร่วมกับ เอียน ไรท์ สตีฟ แม็คมานามานและ ร้อบบี้ ฟาวเลอร์ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น