ในปี
พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) ได้รับการโหวตจากแฟนๆ ของทีม ให้เป็นนักฟุตบอลแห่งศตวรรษ แฟนๆ ยังคงกล่าวถึงคันโตนา โดยเรียกเขาว่า "เอริก เดอะ คิง" จนถึงทุกวันนี้
การเล่นฟุตบอลในฝรั่งเศส
คันโตนา เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรโอลิมปิกมาร์กเซย(โอ'แอม) เป็นคนที่ค่อนข้างหัวเสียง่าย มีอยู่ครั้งหนึ่ง ในขณะที่ลงแข่งขันนัดกระชับมิตร กับ ทีม
ตอร์ปิโด มอสโก เขาถูกเปลี่ยนตัวออก แล้วได้แสดงอาการไม่พอใจ ด้วยการ ฉีกเสื้อและขว้างมันทิ้ง เขาถูกลงโทษห้ามลงแข่งเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากนั้น สองถึงสามสัปดาห์ เขาก็ได้ออกมากล่าวโจมตี โค้ช
ทีมชาติฝรั่งเศสทางทีวีอีกด้วย
กองโตนาย้ายสู่ บอร์กโดซ์ ด้วยสัญญายืมตัว หลัง จากนั้นก็ได้ย้ายไปเล่นให้กับ มงเปลลิเย่ร์ ซึ่งเขาได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์ เฟร้นช์ คัพ เป็นครั้งแรก ก่อนจะถูก มาร์กเซย์ดึงตัวกลับมา แต่ เขาก็ยังถูกขายให้กับ นีมส์
เขาถูกห้ามลงแข่งขันอีกครั้งเป็นเวลา 1 เดือน จากการขว้างบอลใส่ผู้ตัดสิน และกองโตนาก็ให้สัมภาษณ์วิจารณ์คำตัดสิน จึงถูกลงโทษเพิ่มเป็น 2 เดือน และนี่เองเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายของคันโตนา เขาจึงตัดสินใจ แขวน
สตั๊ด
ต้องขอบคุณแฟนฟุตบอลพันธ์แท้รายหนึ่ง ที่ชักจูงให้คันโตนากลับมาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ที่
ประเทศอังกฤษ
หลังจากมาทดสอบฝีเท้ากับสโมสร
เชฟฟิลส์ เว้นส์เดย์ คันโตนา ก็ได้ย้ายเข้าสู่สโมสร
ลีดส์ ยูไนเต็ด ในปี พ.ศ.2535 (ค.ศ. 1992) คันโตนาพายูงทองเถลิงบัลลังก์แชมป์ดิวิชั่น 1(เดิม)ได้ทันทีในฤดูกาลนั้นเอง (1991-1992)เดือนพฤศจิกายนปีเดียวกันนั้น คันโตนาก็ย้ายสโมสรอีกครั้งหนึ่ง เข้าสังกัดทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวที่ปีศาจแดงจ่ายให้กับลีดส์เพียงแค่ 1.2 ล้านปอนด์ เท่านั้น
ขณะนั้นทีมปีศาจแดงกำลังประสบกับปัญหาปืนฝืด ไม่สามารถทำประตูคู่แข่งได้เนื่องมาจากการที่สโมสรขาย มาร์ค โรบิน และ ดิออน ดับลิน ประสบปัญหาการบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม คันโตนาปรับตัวเข้ากับสโมสรแห่งใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ตัวเขาสามารถทำประตูและส่งให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
2 ฤดูกาลต่อมา ยูไนเต็ดประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง คว้าแชมป์ลีกในปี
พ.ศ.2536 (ค.ศ. 1993)และ ดับเบิ้ลแชมป์ในปี
พ.ศ. 2537(ค.ศ. 1994)ซึ่งคันโตนาทำประตูจากลูกจุดโทษสองประตูถล่ม เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศ
เอฟเอคัพ 4-0
คันโตนาก่อเรื่องน่าอายขึ้นในเกมเยือน
คริสตัลพาเลซ เดือนมกราคม ฤดูกาลถัดมา(
พ.ศ. 2538)(ค.ศ. 1995) เมื่อกระโดดถีบใส่ แมทธิว ซิมม่อนส์ แฟนบอลทีมเจ้าบ้าน หลังจากโดนผู้ตัดสินไล่ออกจากสนาม
ในงานแถลงข่าวภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว กลุ่มนักข่าวพากันมารอสัมภาษณ์คันโตนา ซึ่งคันโตนาได้เดินเข้ามานั่ง ก่อนจะกล่าวว่า "เมื่อนกนางนวลบินตามเรือประมง...ก็เพราะพวกมันคิดว่าปลาซาร์ดีนจะถูกโยนลงมาในทะเล" เพียงเท่านี้เขาก็ลุกออกจากห้องไป สร้างความงุนงงให้กับกองทัพนักข่าวทั้งหลาย
คันโตนาถูกศาลชั้นต้นสั่งลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนบทลงโทษให้เป็นทำงานบริการสังคมเป็นเวลา 120 ชั่วโมงแทน นอกจากนี้
สมาคาฟุตบอลอังกฤษยังสั่งลงโทษคันโตนาห้ามลงสนามจนกว่าจะถึงเดือนตุลาคมอีกด้วย
มีการคาดการณ์กันไปต่างๆ นานา ว่าคันโตนาอาจจะยุติการค้าแข้งที่อังกฤษหลังจากพ้นโทษแบน แต่ Alex Ferguson เป็นผู้ที่ชักจูงให้คันโตนาอยู่กับทีมต่อไป ซึ่งในช่วงต้นฤดูกาลนั้นสโมสรได้ขายผู้เล่นสำคัญบางคนออกไปและเลื่อนชั้นนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาแทน ทำให้ความหวังในการคว้าแชมป์ไม่สู้จะดีนักเช่นเดียวกับในปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992)
คันโตนายิงประตูจากลูกจุดโทษในเกมพบกับ ลิเวอร์พูลได้ในนัดประเดิมสนามหลังจากพ้นโทษ และประตูของเขาก็ช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ลีกได้หลังจากต้องเป็นฝ่ายไล่ตามหลัง 10 คะแนนตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นมา และเป็นทีมแรกที่สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้สองสมัยติดต่อกันหลังจากคันโตนาทำประตูชัยได้ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ
ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในฤดูกาล 1996/1997 ทำให้คันโตนาได้แชมป์ลีกไปแล้วถึง 6 ครั้งในรอบ 7 ปี ยก เว้นเพียงปีที่เขาโดนแบนเท่านั้น หลังฤดูกาลจบลง คันโตนา ก็สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอล ด้วยการประกาศเลิกเล่น ในขณะที่อายุเพิ่งจะ 30 ปีเท่านั้น ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานได้หันเหไปเล่นฟุตบอลชายหาดให้กับทีมชาติฝรั่งเศส โดยเป็นกัปตันทีมด้วย
ในปี
พ.ศ. 2547(ค.ศ. 2004) คันโตนาได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งโดยได้กล่าวว่า
"ผมภูมิใจที่แฟนๆ ยังคงร้องเรียกชื่อผม แต่ผมกลัวว่าพรุ่งนี้พวกเขาอาจจะไม่ทำเช่นนั้น ผมกลัวเพราะผมรักมัน และทุกๆ สิ่งที่คุณรัก คุณก็ต้องกลัวที่จะเสียมันไป" คำพูดนี้ได้ถูกนำมาประกอบลงไปใน วอลเปเปอร์ของสโมสรที่ให้แฟนๆ ในเว็บไซต์
manutd.com
ชีวิตหลังเลิกค้าแข้ง
หลังจากแขวนสตั๊ดแล้วคันโตนา หันเหไปเป็นนักแสดงในประเทศฝรั่งเศส นอกจากเป็นนักแสดงแล้ว เขายังเป็น ผู้กำกับภาพยนตร์ขนาดสั้นด้วย คันโตนาเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง เอลิซาเบ็ท ที่เขาเล่นเป็นทูตชาวฝรั่งเศส นอกจากนี้เขาก็ยังรับจ๊อบเป็นนายแบบโฆษณาให้กับบริษัทไนกี้ด้วย